ประวัติทรงผมของไทย ตั้งแต่ครั้งโบราณกาล จนถึงสมัยปัจจุบัน ตามยุคตามสมัยเทรนของวัยรุ่น

ประวัติความเป็นมาของทรงผมคนไทย
คนไทยเรานั้นได้มีการไว้ทรงผมแบ่งออกเป็น 3 สมัย คือ
1. สมัยสุโขทัย
2. สมัยกรุงศรีอยุธยา
3. สมัยกรุงรัตนโกสินทร์

สมัยกรุงสุโขทัย

ทั้งผู้ชายและผู้หญิงไว้ผมคล้ายคลึงกันมาก คือไว้ผมเกล้ามวยรวบม้วนไว้ตอนกลางศีรษะ

พอจะสมมุติได้ว่า เพราะบ้านเมืองสมัยนั้นมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข
ปกครองกันแบบพ่อปกครองลูกดังคำศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง ได้ทรงจารึกไว้ว่า “ในน้ำมีปลา
ในนามีข้าว ใครจักรักใคร่ค้าข้าวค้า ใครจักรักใคร่ค้าม้าค้า ฯลฯ” เหล่านี้เป็นต้น
สมัยกรุงศรีอยุธยา

การไว้ผมสมัยนี้มีการไว้ผมไปอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1

พระเจ้าอู่ทอง และในสมัยนี้คนไทยได้แยกกันเป็นพวกเป็นเหล่า
ในประวัติศาสตร์กล่าวว่าคนไทยต้องรบราฆ่าฟันกัน ทำศึกสงครามตลอด
ต้องรบกับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงกัน เช่น ญวน ลาว เขมร พม่า เป็นต้น
ดังนั้นพระเจ้าอู่ทองจึงมีพระราชประสงค์ที่จะรวบรวมคนไทยให้เป็นปึกแผ่นมั่นคง
จึงได้รวบนวมชายฉกรรจ์ไว้พอสมควรแล้ว พร้อมที่จะออกรบ
จึงมีพระราชดำริว่าควรไว้ผมสั้นเหมือนกันหมด คือ มีลักษณะโกนรอบศีรษะเหมือนกะลาครอบ
มีผมอยู่ตรงกลางศีรษะ หวีแสกกลาง ตอนแรกผมทรงนี้ยังไม่มีชื่อเรียก ต่อมาจึงได้เรียกชื่อว่าทรง
“มหาดไทย” ตามชื่อของกระทรวง การไว้ผมสั้นดังกล่าว
จึงทำให้ผู้ชายสมัยนั้นต้องทำงานหนักในการสร้างบ้านเมือง และเป็นการทหาร อีกทั้งยังต้องออกทัพ
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
เป็นสมัยแผ่นดินของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)

ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์แรกที่ได้มีการริเริ่มเปลี่ยนทรงผมจากทรงมหาดไทย มาเป็นทรงผมสมัยใหม่
คือ เมื่อครั้งสมเด็จพระพาลประเทศสิงคโปร์ ขณะนั้นพระองค์ทรงมีพระชนม์มายุเพียง 16 พระชันษา
ในครั้งนั้นได้มีข้าราชบริพารติดตามเสด็จไปประมาณ 40 กว่าคน
พอไปถึงประเทศสิงคโปร์ทุกคนขึ้นจากเรือ พอพวกฝรั่งเห็นเข้าก็พากันหัวเราะ ถามว่าเป็นชนเผ่าไหน
เมื่อพระองค์ได้เสด็จกลับจากต่างประเทศ พระองค์ได้นำเอาแบบอย่างต่าง ๆ
มาดัดแปลงพัฒนาบ้านเมืองและทรงกล่าวกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บางคนว่า
การไว้ผมสั้นนั้นควรที่จะเลิกเสียเพราะการไว้ผมทรงมหาดไทยนั้นทำให้พวกฝรั่งดูหมิ่นคนไทยว่าเป็นคนป่
าเถื่อน จึงเห็นควรให้เลิกประเพณีการไว้ผมสั้นแบบมหาดไทยเสีย และให้เปลี่ยนมาไว้แบบเดียวกับพวกฝรั่ง
และการไว้ผมตามแบบฝรั่งนั้นก็มิได้กำหนดกฎหมายตรากำหนดไว้แต่อย่างใด
เพียงแต่พระองค์เองไม่ทรงพระเกศาแบบมหาดไทย และได้ทรงมีพระราชานุญาตให้ข้าราชการที่เข้าเฝ้า
เปลี่ยนมาไว้ผมตามใจชอบซึ่งในปัจจุบันนี้ทรงผมที่ได้ตัดกันโดยทั่วไปตามฝรั่งในสมัยนั้นเรียกว่า
รองทรงอังกฤษชั้นเดียว และรองทรงอังกฤษสองชั้น ตราบเท่าทุกวันนี้ คือ รองทรงสูง-รองทรงต่ำนั่นเอง